2. ปล่อยวางมากขึ้น
เมื่อก่อนผมเป็นคนจริงจังกับงาน บางทีก็มากไป เคยทำเองได้หมดทุกตำแหน่งตั้งแต่พนักงานขาย ไปยันช่างภาพ และกราฟฟิคดีไซน์เนอร์ คิดและทำงานไว พอจะต้องบริหาร มอบหมายงานให้คนอื่นทำแทน ก็คาดหวังไว้สูง แต่ให้เวลาทำงานน้อย เพราะคิดว่าเราทำได้ เค้าก็ทำได้ แต่พอถึงเวลางานออกมาไม่เสร็จ ไม่สมบูรณ์ เรียกว่าไม่ได้เป็นไปตามต้องการ ปกติจะหงุดหงิด อารมณ์ไม่ดี และพยายามเร่งให้ได้ตามกำหนด แต่ปีนี้ปล่อยวางมากขึ้น ถ้าไม่ได้จริงๆก็เลื่อนไปอีกนิด หรือไม่ถนัดก็หาคนมาช่วยเสริม อะไรที่ลงไปทำได้ก็จะช่วยกัน หรือถ้ามันพอเลื่อนได้ก็เลื่อนออกไปก่อน เอาความผิดพลาดเป็นบทเรียน เอาไว้แก้ไขกันคราวหน้า
4. ได้เที่ยวมากขึ้น
ปีที่ผ่านมาผมใช้เวลาอยู่ที่ตปท เกือบ 2 เดือน ไปยุโรปสองครั้ง ครั้งละสองสัปดาห์และพาลูกไปเที่ยวญี่ปุ่นสองครั้ง ไม่นับเมืองไทยอีกหลายจังหวัด ไม่ได้มีรายรับมากขึ้น แต่ใช้จ่ายอย่างฉลาดมากขึ้น ก่อนหน้านี้ผมหมดเงินไปกับของฟุ่มเฟือยที่ตัวเองเรียกว่า “ของสะสม” หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า เสื้อผ้า นาฬิกา แผ่นเสียง ของเล่น กล้อง ผมไม่เคยแบ่งเงินมาให้เดินทางหรือพักผ่อนเลย คิดว่าวัตถุนั้นน่าชื่นชมกว่าสิ่งใด แต่ตอนนี้ผมเลือกที่จะนำเงินส่วนนั้นมาเพื่อใช้ในการท่องเที่ยวออกเดินทาง เพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆให้กับตัวเอง เลือกเดินทางไปประเทศที่เค้าเจริญกว่าเรา เพื่อให้เห็นและเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่รู้ตอนเราอยู่ในประเทศตัวเอง ไปศึกษาในศิลปะวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของคนและธุรกิจของประเทศเหล่านั้น เมื่อได้รู้ จะได้นำมาปรับเพื่อพัฒนาตนเองและธุรกิจ พอได้ทำแล้วรู้สึกว่าประสบการณ์และความทรงจำดีๆนั้นน่าเก็บสะสมมากกว่าวัตถุมากนัก หลายๆครั้งที่อยู่ต่างประเทศก็มีคิดเหมือนกันนะว่า ทำไมบ้านเมืองเค้าถึงดูสวยงาม ดูเจริญหูเจริญตา ถูกจัดสรรออกมาอย่างเป็นระเบียบ บางที่ก็ดูมีระเบียบเรียบร้อยเกินกว่าจะสามารถคิดให้มันเกิดขึ้นในบ้านเราได้ คล้ายๆกับว่าเราไปเที่ยวเมืองในฝัน ที่มันดันมีอยู่จริงเท่านั้นเอง
6. อ่านหนังสือมากขึ้น
ปีนี้อ่านหนังสือจบไปกว่า 20 เล่ม จากที่เมื่อก่อนเป็นคนไม่อ่านหนังสือเลย ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาปี 2002 ก็ไม่เคยอ่านหนังสือเป็นเล่มๆเลย ยอมรับว่าความรู้ส่วนใหญ่มาจาก Internet และการได้พบปะผู้คนเท่านั้น ทุกวันนี้พยายามแบ่งเวลามาอ่านหนังสือมากขึ้น เริ่มจากหนังสือที่อ่านไม่ยาก แนวพวกบริหารจัดการ และสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตัวเอง จะมีนิยายบ้างเล็กน้อย พออ่านแล้วรู้สึกดีมาก เหมือนได้ฟังเรื่องเล่าหรือได้เจอมุมมองแปลกๆของผู้มีประสบการณ์ทั้งที่ถูกสัมภาษณ์และนักเขียน ซึ่งเป็นที่มาของความรู้และปัญญาให้แก่ตัวเอง จริงๆเฉพาะเดือนนี้เดือนเดียวก็อ่านจบไปกว่า 5 เล่มแล้ว ปีหน้าคิดว่าคงเยอะกว่านี้แน่ๆ
7. เข้าใจถึงความสำคัญของชีวิตมากขึ้น
ความรู้จากการที่ได้อ่านหนังสือหลากหลายเล่ม และได้เดินทางไปอยู่กับธรรมชาติที่ Iceland กินนอนในรถร่วมกับภรรยา ทำให้ผมได้ค้นพบความหมายและความสำคัญของชีวิตชัดเจนขึ้นกว่าเดิม การที่เราได้อยู่กับตัวเองกับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ผมเห็นว่าเรามันเป็นแค่เสี้ยวเล็กๆในโลกใบนี้มาก (เคยอ่านหลายคนพูด พึ่งเข้าใจก็ตอนนี้แหละ) ผมเลือกที่จะคิดถึงคนอื่นให้มากขึ้น แบ่งปันมากขึ้น ยอมรับในโลกนี้มากขึ้น ไม่เปรียบเทียบเรากับใคร สร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนและคนในครอบครัวมากขึ้น และให้ความสำคัญกับสุขภาพตัวเองด้วยการตื่นเช้าออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 วัน จากที่แทบจะไม่ได้ออกกำลังกายเลยเป็นเวลาหลายปี
Comments
There are no comments yet.