BALLISTICONE’S STORY OF 2014

ถึงแม้ปี 2014 จะได้จบและผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับผมเองนั้นปี 2014 เป็นปีที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายในชีวิต อาจจะเป็นปีที่มีสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เป็นปีที่ทำให้เรามองถึงอนาคต มองถึงระบบการจัดการชีวิตตัวเอง และหน้าที่การงานมากขึ้น เป็นปีที่เรียกได้ว่า โตขึ้นพร้อมจะเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว ที่บอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ได้แต่งงาน ย้ายร้าน SneakaVilla ออกจากสยามสแควร์ ย้ายบ้านสองรอบ และเป็นพ่อของเด็กน้อยน่ารักที่ชื่อว่าโมม่า (#Momathebaby) และมีเป้าหมายให้กับชีวิตจริงจัง

เริ่มจากการแต่งงาน 
หลังจากได้ฤกษ์งานแต่งงาน ซึ่งเป็นวันที่ 23 มีนาคม 2557 ผมและ กิฟท์ (@Sasivadee) ก็เตรียมงานกันทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเจ้าบ่าว และเจ้าสาว ตกลงกันด้วยโจทย์ที่ไม่อยากได้อะไรเหมือนใคร เราอยากจัดงานของเราให้เล็ก แต่เต็มไปด้วยเพื่อนสนิท และรูปแบบของงานต้องออกมาน่ารักมี concept ที่สนุกสนานอย่าง “Carnival” หรือประมาณงานวัดของฝรั่งที่มีบูทเล่นเกมส์ บูทอาหารหน้าตาประมาณนั้น แน่นอนว่าสถานที่จะต้องเป็น outdoor และมี zone in door สำหรับพิธีอื่นๆ ไล่ตามหาสถานที่ ที่เราจะเนรมิตทุกอย่างให้ออกมาเป็นอย่างที่เราฝันไว้ แน่นอนว่าต้องตัดพวกโรงแรมทิ้งไป เพราะต้องการหลุดภาพงานแต่งงานเดิมๆที่เคยเห็น หลากหลายสถานที่ที่น่าสนใจถูกจองจนเต็ม เพราะว่า 23 มีนาคม 2557 เป็นวันดี ซึ่งหลากหลายคู่รัก ได้จองสถานที่ไว้ล่วงหน้าแล้ว จนเราได้ไปเจอสถานที่อย่าง  Benedict Studio แต่ก็ติดปัญหาเรื่องที่จอดรถไม่พอ ถนนทางเข้ายังคงตัดใหม่อยู่ ผู้ใหญ่เริ่มไม่เห็นด้วย แต่เราสองคนก็ยังยืนยันว่าจะใช้สถานที่นั้น แต่จะจัดเตรียมลานจอดรถด้านนอกเพิ่มเติม และจัดหารถรับส่งแทน จนทุกคนต้องยอม ก็มีเรื่องติดต่อหาทีม Wedding planner เพื่อนำภาพในฝันของเราทำให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งกว่าจะออกมาได้ลงตัว ไม่ใช่เรื่องง่าย

เล่าย้อนไปถึงก่อนงานแต่งงาน เรามีการถ่าย Pre-Wedding กัน ตัว concept ของการถ่ายภาพ pre-wedding เราต้องการให้มันออกมาดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ในใจตอนที่คิดไว้ อยากให้มีทั้งทะเล และภูเขา อยากให้ภาพออกมา feeling แบบ Landscape แต่มีเราเข้าไปอยู่ในนั้น และถ้าเป็นตากล้องที่ถ่าย Landscape สวยๆ มีเอกลักษณ์ ที่รู้จักและชื่นชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วก็คือน้องทิน (@blissfulwind) จึงเริ่มติดต่อเพื่อคุยกับทินเป็นครั้งแรก ทินตกลงจะถ่ายให้ จึงติดต่อซัน (@pokazun) เดียว (@tithikorns) เพื่อให้มาดูแลเรื่องถ่าย VDO ให้ ใน Concept เดียวกัน

หลังจากนั้นพอถึงวันจริงก็ได้ชา และพี่แน๊ต เข้ามาร่วมช่วยเหลือและลงไปที่ภูเก็ตเพื่อเก็บภาพนิ่งและ VDO ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันอยู่ 2 วัน เต็มๆ และเนื่องจากทินเป็นคนภูเก็ต จึงเชี่ยวชาญภูมิประเทศของตัวภูเก็ตเป็นอย่างดี รู้ลึกถึงสถานที่สวยๆ เช่นทะเลหาดยาวๆ หรือภูเขายามที่แสงสวย การถ่าย Pre-Wedding จึงผ่านไปอย่างเหนื่อยแต่สนุก ขอขอบคุณทีมงานทั้งหมดอีกครั้งด้วย 

ย้ายร้าน SneakaVilla ออกจากสยาม

ไอเดียแรกเริ่มเกิดจากการที่ผมใชัชีวิตอยู่บนถนนสุขุมวิทมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ย้ายมาอยู่ในกรุงเทพตั้งแต่กลับมาจาก USA น่าจะปีประมาณ 2003 ก็ 11 ปีแล้ว ชอบบรรยากาศของตึกแถวนี้ ที่เป็นตึกทรงเก่าไม่สูงมากวิ่งขนานกับแนวรถไฟฟ้า บวกกับเป็นที่พักอาศัยของชาวต่างชาติ และร้านอาหารชิคๆมากมาย โดยเฉพาะร้านบนถนนสุขุมวิทช่วงตั้งแต่อโศก มาจนถึงทองหล่อ ร้าน SneakaVilla เปิดตอนปี 2006 สมัยผมยังเรียนอยู่ปี 3 มาถึงปีนี้ก็ 8 ปีแล้ว และเคยคิดไว้ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน ว่าถ้า SneakaVilla มีอีกสาขา เราจะไม่วิ่งไปหาลูกค้า เราจะไม่ไปไปเปิดใกล้มหาวิทยาลัยหรือแหล่งช็อปปิ้ง แต่เราอยากจะมีร้านที่เท่ห์ๆ เปิดกี่โมง ปิดกี่โมงก็ได้ตามสไตล์เราเองบนถนนสุขุมวิท และตลอดเวลา 2 ปี ก็พยายามหาตึกว่างที่ปล่อยให้เช่ามาตลอด แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เปิดอีกสาขาซักที เป็นเพราะที่เจอก็สุดแสนจะแพง จนในที่สุดได้มาเจอตึกนี้ตอนที่ “เตรียมตัวแต่งงาน” ความยุ่งถึงขั้น x 2 เลยทีเดียว

นอกจากจะยุ่งเรื่องเตรียมตัวและเตรียมงานแต่ง ผมและกิฟท์ยังต้องมาปวดหัวกับเรื่องสารพัดที่ช่างได้ก่อไว้ที่ร้าน ไม่ว่าจะเรื่องความล่าช้า เรื่องคุณภาพงาน เรื่องหนีงาน เนื่องจากขาดคนเฝ้าหน้างาน และก็อีกสารพัด จนทำให้ร้านถูกทำอยู่นาน 4 เดือนจนกว่าจะได้เปิดอย่างเป็นทางการ แต่ระหว่างที่ร้านใหม่เปิดได้เพียงไม่กี่เดือน ผมก็ตัดสินใจครั้งใหญ่ของชีวิต ปิดร้าน SneakaVilla ที่อยู่สยามยาวนานมาถึง 8 ปี เพื่อจะย้ายมาอยู่ที่สุขุมวิทเพียงแค่ร้านเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุผลอยู่หลายประการ อาทิเช่น

  • สยามสแควร์ วันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว : ในที่นี้ผมหมายถึง ไม่เหมือนสยามสแควร์สมัยปี 2004-2012 ที่เคยเป็นมา วัยรุ่นไม่จำเป็นต้องมาเดินสยามสแควร์ฝั่งร้อนอีกแล้วเนื่องจากห้างสรรพสินค้าก็เคลื่อนตัวเข้าไปหาแทบทุกชุมชน แถมยังจัดโปรโมชั่น ตกแต่งดี สะอาด เย็น ดึงดูดคนให้ไปยิ่งนัก ไหนจะห้างอื่นๆยังผุดขึ้นอีกเยอะมากมาย พร้อม renovate ใหม่ทุกๆปี  ทำให้ยิ่งน่าเดินกว่ามาก ทำให้ร้าน หรือ แบรนด์ต่างๆ ที่เคยมี shop อยู่ที่สยามสแควร์ฝั่งร้อนหนีไปจนเกือบหมดแล้ว
  • Online shopping : สมัยก่อน การมี Online ไว้เพื่อให้ลูกค้าสั่งซื้อยังคงเป็นเพียงแค่ 10-20% ของ Order ทั้งหมด แต่ ณ ตอนนี้ เรามี Order ประมาณครึ่งหนึ่งมาจาก Online

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขอบคุณน้อง เม้ง (@i_meng) และต๊อบ (@phulimplad) ที่คอยอยู่ร่วมลงเรือลำเดียวกันมาตลอด ตั้งแต่ร้านเก่ายันร้านใหม่ โดยเฉพาะต๊อบที่อยู่ตั้งแต่วันแรกที่เริ่ม SneakaVilla จนเรียกได้ว่าครอบครัวเดียวกันไปแล้ว

มีลูกชายที่น่ารักชื่อโมม่า #momathebaby

ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง 39 สัปดาห์กว่า สำหรับเด็กน้อยตัวเล็กๆที่ชื่อโมม่า ณัฐธนนท์ สิริเกียรติยศ ลูกชายคนแรกของเรา ผมไม่เคยเป็นพ่อมาก่อน และไม่เคยคิดว่ามันจะมีความรู้สึกอย่างไรกับการได้เห็นหน้าของลูกครั้งแรก ความรู้สึกตอนนั้นมันตื้นตัน ตื่นเต้นแบบบอกไม่ถูก ผมได้มีสิทธ์เข้าไปในห้องคลอดเพื่ออยู่กับภรรยาในตอนผ่าคลอด พยาบาลให้ผมไปนั่งรออยู่ในห้องที่เตรียมไว้ ข้างในนั้นมีทั้งเก้าอี้นวด หนังสือ และเครื่องดื่ม พยายามทำให้คุณพ่อมือใหม่อย่างผมเครียดให้น้อยที่สุด ครั้งแรกที่พยาบาลเรียกให้ผมเข้าไปในห้องผ่าตัดได้ ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก เข้าไปนั่งจับมือพยายามทำให้ภรรยาหายกังวลให้ได้มากที่สุด แต่นั่งได้อยู่แค่ ไม่ถึง 3 นาที เราก็ได้ยินเสียงเด็กร้อง ร้องให้แบบตีบๆ ไม่ค่อยมีเสียงมาก และพยาบาลก็พาลูกมาให้ทั้งพ่อและแม่ดู ซึ่งน้ำตาของผู้เป็นพ่อและแม่ก็ไหลออกมาอย่างอัตโนมัติ น้องโมม่า เกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2014  ณ ตอนนี้มีอายุ 4 เดือนแล้ว เป็นเด็กที่อารมณ์ดี ยิ้มง่าย และชอบที่จะเล่นทั้งวัน โดยไม่นอน

เป้าหมายจริงจังให้กับชีวิต

ยอมรับว่าเคยอยู่แบบไม่มีเป้าหมายในชีวิตเท่าไหร่นัก เป็นเหมือนวัยรุ่นที่มีอายุเยอะ แต่ก็ยังสนุกกับการใช้ชีวิตแบบเด็กๆอยู่ หาเงินได้เยอะ แต่ก็หมดไปกับของสะสมและท่องเที่ยว ชอบอะไรก็พยายามไปศึกษาสิ่งนั้น โชคดีที่เป็นคนที่มีหัวไว ไหวพริบดี เลยจะเข้าใจและปฏิบัติได้อย่างดี และก็ชอบเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ โดยเวลาอินอะไรก็จะให้เวลาสุดๆไปกับสิ่งนั้น ศึกษาให้สุด ให้ลึก ไปให้สุดทาง โดยจะลืมเสมอว่าอะไรเป็นสิ่งที่จำเป็น และอะไรเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น งานหลายๆอย่างในช่วงหลายๆปีที่ผ่านมา เราก็ทำเพราะเราสนุกกับมันอย่างเดียว บางอย่างไม่ได้เงิน บางอย่างได้น้อยมากแต่เราก็สนุกกับมัน บางอย่างเราควรจริงจัง แต่กลับไม่เห็นค่า และไม่ใส่น้ำหนักความสำคัญไปกับมันซักเท่าไร แต่ตอนนี้มีครอบครัวแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนไปเลย ผมต้องพยายามทำทุกอย่างให้น้อยลง เพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่แค่สนุกไปวันๆกับชีวิตวัยรุ่นอีกต่อไปแล้ว ทำทุกอย่างให้น้อยลงโดยพยายามมองว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดผมต้องให้สิ่งนั้นมาก่อน ทำให้เสร็จก่อน ก่อนที่เราจะไปทำอย่างอื่นได้ อาทิเช่น ตัดสินใจที่ไม่ค่อยที่จะรับงาน DJ เท่าไรแล้ว เพื่อใช้เวลาไปมองหา DJ เมืองนอกและ จัด Event ดีๆแทนเป็นต้น แต่ยังคงทำ Mixset ออกมาเป็น Radio ให้คนฟังแทน ยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างช้าที่พึ่งจะมาวางเป้าหมายของตัวเอง ทั้งที่ถ้าวางไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ป่านนี้ผมคงทำอะได้เป็นชิ้นเป็นอันมากกว่านี้

เรื่องดีๆอื่นๆ

สุดท้ายอยากจะฝากเรื่องดีๆอื่นๆ ที่ได้พบเจอมาตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นคนดีๆ เพื่อนๆ พี่ๆน้องๆทั้งหมด ครอบครัวสิริเกียรติยศ และจินดาอุฬาร พ่อแม่ของกิฟท์ ที่รักผมเหมือนลูกตัวเอง คอยดูแลเอาใจใส่ กิฟท์ ภรรยาสุดที่รักที่พร้อมจะลุยไปด้วยกัน เพื่อนเก่าสมัย ม. ต้น ที่ลากเข้า group Line ที่เข้าไปมีเพื่อนร่วมชั้นอยู่กว่า 30 คน จาก 50 คน เพื่อนๆ พี่ๆ และแขกทั้งหมดที่มาร่วมงานแต่งงาน รวมถึงคำอวยพร และเนื่องจากปีหน้า ผมจะพยายามทำงานให้น้อยลง แต่ยังอยากมีส่วนร่วมผลิตผลงานมากขึ้น จึงอยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนให้คนที่มีความสามรถ และมีความใฝ่ฝันที่อยากจะประสพความสำเร็จ

และนี่คือปี 2014 ที่เปลี่ยนแปลงไปมากของผม ส่วน 2015 คือปีที่ผมกำลังจะไปสนุกกับมัน

Comments

There are no comments yet.

Leave a comment