รีวิว Taxi ในประเทศญี่ปุ่น ราคาสูงหน่อย แต่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์

[vc_section][vc_row][vc_column][vc_column_text]

การไปประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ได้มีโอกาสได้ใช้บริการรถแท็กซี่หลายรอบ ด้วยที่ผมและภรรยา เรามีกระเป๋าเดินทางไซส์ใหญ่คนละใบ กระเป๋าเป้อีกคนละใบ เราสองคนเดินทางไปถึงโตเกียวตอนค่ำๆ รวมถึงที่พักที่จองผ่าน Airbnb เรายังไม่เคยไปมาก่อน และไม่ได้ติดสถานีรถไฟ แต่ก็ไม่ได้ไกลจากสถานีมากนัก (ห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 500 เมตร) เราจึงเลือกที่จะขึ้นแท็กซี่จากสถานีรถไฟไปที่พักที่จองไว้ แทนที่จะเสี่ยงลากกระเป๋าไปเดินหาเองในความมืด เราคิดว่าขึ้นแท็กซี่เป็นวิธีที่สะดวกสุด แต่ก็แลกมาด้วยกับราคาค่าโดยสารที่ค่อนข้างสูง ถ้าเทียบกับแท็กซี่ในบ้านเรา ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 410 เยน (ประมาณ 120 บาท) แต่ด้วยการบริการที่ค่อนข้างประทับใจ คู่ควรกับทุกบาทที่เราจ่ายไป ผมจึงอยากนำมาเขียนแชร์ให้คนที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นและไม่เคยคิดที่จะใช้แท็กซี่มาก่อน ลองอ่านดู เผื่อจะเปลี่ยนใจลองใช้บริการดูบ้าง

[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column][vc_single_image image=”815″ img_size=”full” onclick=”link_image”][vc_single_image image=”819″ img_size=”full” onclick=”link_image”][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column][vc_column_text]

ทริปนี้เราสองคนใช้บริการแท็กซี่ไปประมาณ 10 ครั้งใน 8 วัน โดยเกือบทุกครั้งจะเดินทางในระยะใกล้ๆ สิ่งที่เราสัมผัสได้จากการโดยสารแท็กซี่คือ ทุกคนรักในงานของตัวเอง และรู้ดีว่าหน้าที่ที่ดีของการเป็นคนขับแท็กซี่คืออะไร โดยจะแบ่งย่อยข้อดีที่เราสัมผัสได้ด้วยตัวเองดังนี้

[/vc_column_text][vc_column_text]

  1. แท็กซี่ญี่ปุ่นไม่มีปฏิเสธผู้โดยสาร ไม่ว่าผู้โดยสารจะไปใกล้หรือไกลขนาดไหน
  2. คนขับแท็กซี่จะแต่งตัวสุภาพใส่สูท และถุงมือขับทุกครั้ง (ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง)
  3. รถแท็กซี่ญี่ปุ่น สามารถเปิดและปิดประตูเองได้ พอเราโบก รถจะเข้ามาจอดและเปิดประตูต้อนรับเราทันที และตอนขึ้นรถแล้ว ยังสามารถปิดประตูให้เราได้ด้วย
  4. ถ้าเกิดเรามีสัมภาระ คนขับจะลงมาช่วยยกและบริการ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม คนขับจะเป็นคนสูงอายุหน่อย เท่าที่เจอน่าจะ 50-60 ปีขึ้น แต่ทุกคนเต็มใจบริการมาก
  5. ในรถแท็กซี่ทุกคันจะมีระบบนำทาง เพื่อไว้ค้นหาเส้นทาง ในกรณีที่เรามีที่อยู่ หรือเบอร์โทรปลายทางสามารถกรอกลงไปได้ จุดหมายปลายทางจะขึ้นบนจอทันที รับรองไม่มีหลง
  6. ทุกครั้งที่เรานั่งแท็กซี่ หลังชำระเงิน จะมีใบเสร็จให้ เพื่อเอาไว้ตรวจสอบการเดินทาง และยังสามารถติดตามได้ในกรณีที่เราลืมของทิ้งไว้บนรถ
  7. รถทุกคันมีความสะอาด สะอาดไม่ได้หมายถึงแค่ภายนอกรถที่เงางามอยู่เสมออย่างเดียว แต่ภายในห้องโดยสารยังสะอาด และไม่มีกลิ่นการบูร หรือแม้แต่ใบเตย ถึงแม้จะเป็นกลิ่นโปรดของคนขับรถก็ตาม
  8. แท็กซี่ที่ญี่ปุ่นไม่มีเพลงให้รบกวนเรา รสนิยมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ฉะนั้นการไม่มีเพลงในรถผมว่ามันเป็นการให้เกียรติผู้โดยสาร โดยที่เราไม่ต้องทนฟังอะไรที่เราไม่ได้ชอบ
  9. สามารถชำระเงินได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเงินสด บัตรเงินสด หรือแม้แต่บัตรเครดิต

[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column width=”1/2″][vc_single_image image=”817″ img_size=”full” onclick=”link_image”][/vc_column][vc_column width=”1/2″][vc_single_image image=”822″ img_size=”full” onclick=”link_image”][/vc_column][/vc_row][/vc_section][vc_row][vc_column][vc_column_text]

จากประสพการณ์การขึ้น Taxi ในประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ ผมคิดว่าประเทศไทยควรต้องเร่งปรับปรุงและพัฒนาบริการของตัวเองให้เร็วที่สุด เหตุผลที่ Uber สามารถเติบโตได้ในประเทศไม่ได้เป็นเพราะเรื่องของราคาที่ถูกกว่า Taxi แต่ผู้ใช้สนใจเรื่องความปลอดภัย รวมถึงการตรวจสอบที่มาที่ไปของคนขับได้ อีกเหตุผลนึง และน่าจะเป็นเหตุผลหลักคือเราคนไทยเบื่อกับเรื่องเดิมๆที่เคยเจอ ทั้งเรื่องการบริการ และความปลอดภัยที่ไม่สามารถรับประกันได้จากการนั่ง Taxi แต่ละครั้ง รวมถึงคนขับที่ไม่ได้มาตรฐาน และไม่มีการตรวจสอบว่าเคยมีคดีอะไรมาบ้าง ณ ปัจจุบันเราอยู่ในยุคดิจิตอล ยุคที่โทรศัพท์สามารถทำงานแทนเราได้เกือบจะทุกอย่าง ตั้งแต่ส่งอีเมล โอนเงิน จองตั๋วเครื่องบิน เรียกแท็กซี่ หรือเล่นหุ้น โลกเราหมุนไปไกลกว่าเดิม แต่ทำไมเรายังคงมี Taxi ที่มาตรฐานเดิมอยู่ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่แท็กซี่ไทยต้องปรับตัวอย่างจริงจัง?

[/vc_column_text][vc_column_text]

ภาพทั้งหมดถ่ายด้วยกล้อง
Mamiya7 + 43mm & 65mm
และด้วยฟิล์ม Fuji Pro400H

[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]

Comments

There are no comments yet.

Leave a comment