Film Camera Review : รีวิวเปรียบเทียบกล้อง Contax T3 Vs. Yashica T4

วิธีการรีวิวของผมก็อาจจะไม่ได้มีพิธีรีตองมากมาย ผมจะนำกล้องสองตัวนี้ใส่ฟิล์มสี Kokda Color Plus 200 ฟิล์มสีตัวถูกจากค่ายโกดัก และฟิล์มหนังขาวดำ Kodak Double-X 5222 ถ่ายเปรียบเทียบกับแบบซ็อต ต่อช็อต ในสภาพแสงเดียวกัน เฟรมไปที่เดียวกัน ลองถ่ายทั้งบุคคลและสถานที่ ทั้งย้อนแสงและเปิดแฟรชเรียกว่าเอาให้รู้ชัดกันไปเลย ที่ทำแบบนั้นเพราะอยากที่จะทดสอบความฉลาดของกล้องในเรื่องการวัดแสง ระบบโฟกัส และความสามารถของเลนส์ของกล้องทั้งสองตัวนี้ ในระหว่างเอาภาพมาให้ดูเปรียบเทียบกัน ผมก็จะเล่าถึง 3 สิ่งง่ายๆที่ผมรู้สึกจากการใช้กล้องสองตัวนี้ คือ การจับสัมผัส / การใช้งาน / และจะมาสรุปความคิดเห็นส่วนตัวให้ฟังกันครับ

Contax T3

สุดยอดของกล้องคอมแพ็คซึ่งถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก Contax T2 โดยถูกปรับเลนส์จาก 38mm ให้กลายเป็น 35mm Sonnar f/2.8 พร้อมทั้งใส่ฟังก์ชั่นการใช้งานทันสมัยมากที่สุดเท่าที่เทคโนโลยียุคก่อนจะอำนวย โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงาม และดีไซน์ที่บางเฉียบทำให้สามารถพกใส่กระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกงไปได้ทุกที่ ระบบการทำงานที่เกือบสมบูรณ์แบบของเทคโนโลยีเมื่อ 10 กว่าปีก่อน วัดแสงแม่นยำ โฟกัสฉับไว และเป็นแฟลชอันชาญฉลาด ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะถูกใส่มาไว้ในกล้องขนาดเล็กกว่าฝ่ามือได้ แต่ด้วยขนาดเล็กนั้นก็มีข้อเสียตามมาเพราะทำให้ฟังก์ชั่นหลายอย่างถูกนำไปซ่อนไว้ในเมนูที่ลึก และยากต่อการใช้งานเมื่อเทียบกับ Contax T2 แต่ถึงอย่างไรก็ตาม Contax T3 ก็ยังคงเป็นกล้องประเภท point & shoot ที่มีราคาสูงสุดในปัจจุบัน และยากที่จะมีกล้องตัวใดมาล้มแชมป์ได้ และยังเป็นกล้องตัวโปรดของเหล่าศิลปินดาราอย่าง G-Dragon และ Frank Ocean เป็นต้น

ราคาปัจจุบันของสีดำอยู่ที่ราวๆ 60,000 บาท

Yashica T4

เป็นกล้องยอดนิยมในตลาดอย่างยาวนาน กล้องคอมแพ็คยอดนิยมในหมู่ช่างภาพ protrait ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นกล้องคู่ใจของช่างภาพชื่อดังอย่าง Terry Richardson เพราะเขาใช้กล้อง Yashica T4 ถ่ายงานเกือบทุกชิ้นตลอดยุค 90s ด้วยอานุภาพของเลนส์ Carl Zeiss Tessar T* 35mm f/3.5 ระบบโฟกัสที่แม่นยำ และแฟลชอันชาญฉลาดที่วางตำแหน่งอยู่ใกล้ตัวเลนส์ ซึ่งทำจะทำให้เงาของแบบตกใกล้กับตัวแบบเวลาถ่ายใกล้ๆฉากซึ่งเป็นสไตล์โปรดของ Terry Richardson เลย ทั้งหมดนี้ถูกใส่มาในกล้องพลาสติกขนาดเล็กซึ่งมีน้ำหนักเพียง 170 กรัม พร้อมด้วยฟังก์ชั่นการทำงานทีแสนจะเรียบง่าย และด้วยความฉลาดของกล้องทำให้คุณแทบจะไม่ต้องคิดอะไรมากมายเกี่ยวกับการตั้งค่าต่างๆ เกี่ยวกับกล้องเลย กล้องนี้ไม่มีโหมดอื่น นอกจากถ่าย เปิดแฟลช ปิดแฟลช และตั้งเวลาถ่ายภาพเท่านั้น สมกับเป็นกล้อง Point and shoot จริงๆ

กล้อง Yashica T4 ถูกแยกย่อยออกเป็นหลายรุ่น ทั้ง Yashica T4 Super/T5 ซึ่งถูกอัพเกรดฟังก์ชั่นช่องมองภาพด้านบน (super scoop) เข้ามา รวมถึงยังมีรุ่น Slim T และ T Proof ซึ่งเป็นชื่อของกล้อง Yashica T4 ซึ่งวางขายในประเทศญี่ปุ่น โดยที่ทั้งหมดนั้นใช้เลนส์รุ่นเดียวกัน และคุณสามารถซื้อรุ่นใดรุ่นหนึ่งก็ได้ แต่คุณอาจจะต้องควักเงินมากเสียหน่อยสำหรับกล้องตัวนี้ เพราะนี่คือกล้องคอมแพ็คอันดับต้นๆ ที่คนเล่นกล้องฟิล์มต้องการมากที่สุด

ราคาปัจจุบันอยู่ที่ราวๆ 15,000-20,000

ประวัติของกล้องคัดลอกมาจาก บทความนี้
https://www.sneakavilla.net/10-best-compact-film-cameras-you-should-know/

Contax T3
Yashica T4

สัมผัส

บอดี้และงานประกอบของทั้งสองตัวนี้แตกต่างกันอย่างชัดเจน Contax T3 ตัวบอดี้เป็นไทเทเนียม จึงมีน้ำหนักมากกว่า แต่ก็แลกมาด้วยความถึกทนและสวยงามกว่า แต่ด้วยความเป็นบอดี้สี่เหลี่ยม ถ้าไม่มีสายคล้องมือหรือห้อยคอเอาไว้ อาจจะหลุดมือง่ายๆ ส่วน Yashica T4 นั้นเป็นพลาสติกทั้งแท่ง ออกแบบมาให้จับถือง่าย มีกริปยางกันลื่นให้ด้วย ตัวกล้องถึงจะใช้วัสดุราคาถูกแต่ก็ให้ลูกเล่นพิเศษ โดยการมี waterproof ซึ่งสามารถกันน้ำ ได้ในระดับนึง เรียกว่าเป็นกล้องที่สามารถใช้โดยไม่ต้องระวังมากนัก เพราะตัวพลาสติกค่อนข้างทนต่อการขีดข่วน

Contax T3
Yashica T4
Contax T3
Yashica T4
Contax T3
Yashica T4
Contax T3
Yashica T4

การใช้งาน

Contax T3 เป็นกล้อง Compact ที่กึ่ง Auto กึ่ง Manual นั่นหมายความว่านอกจากจะสามารถถ่ายด้วยโหมด Full Auto สำหรับคนขี้เกียจหรือมือใหม่แล้ว ยังรองรับมือโปร หรือคนที่อยากปรับกล้อง Manual ได้ โดยสามารถตั้งค่าระยะโฟกัส, ตั้งค่ารูรับแสง และตั้งค่า exposure compensation ได้ + – ได้ถึง 2 stops นั่นหมายถึงถ้าคุณเป็นสายสตรีท หรือ landscape คุณก็สามารถทำการ Pre-focus หรือถ่ายภาพแบบ Zone-focusing ได้ รวมไปถึงทำการ push และ pull ฟิล์มได้ด้วย โดยค่ารูรับแสงของ Contax T3 มีให้เลือกตั้งแต่ f2.8 ไปจนถึง F16 ส่วนกล้อง Yashica T4 นั้นจะไม่สามารถตั้งค่า Manual อะไรได้เลยนอกเหนือไปจากเปิดและปิดแฟรชเท่านั้น ในการใช้งานผมได้ลองนำกล้องทั้งสองตัวไปเดินเล่นถ่ายรูป และสังเกตว่ากล้อง Contax T3 จะมี Viewfinder ที่สว่างและใสกว่าของ Yashica T4 ที่ช่องมองจะขุ่นๆคล้ายกับพลาสติก ส่วนเสียงของ Shutter ของ Contax T3 นั้นมีความเงียบกว่าเช่นกัน อาจจะเป็นเพราะตัวบอดี้ที่มีวัสดุเป็นไทเทเนียมจึงเก็บเสียงได้ดีกว่าพลาสติก อีกอย่างที่ T3 ดูดีกว่า ก็คือเรื่องระบบ Auto focus ที่แม่นยำกว่า

Contax T3
Yashica T4
Contax T3
Yashica T4
Contax T3 with Flash
Yashica T4 with Flash
Contax T3
Yashica T4
Contax T3 กับการลองถ่ายย้อนแสง
Yashica T4 กับการลองถ่ายย้อนแสง
Contax T3 + Kodak Double X 5222
Yashica T4 + Kodak Double X 5222
Contax T3 + Kodak Double X 5222
Yashica T4 + Kodak Double X 5222
Yashica T4 + Kodak Double X 5222
Contax T3 + Kodak Double X 5222
Contax T3 + Kodak Double X 5222
Yashica T4 + Kodak Double X 5222
Contax T3 + Kodak Double X 5222
Yashica T4 + Kodak Double X 5222

สรุป

กล้องทั้งสองตัว ถ้าตัดเรื่องฟังชั่นทิ้งไป ส่วนตัวคิดว่าภาพที่ได้มานั้นไม่แตกต่างกันมากมาย น่าจะเป็นเพราะเลนส์จากสำนักเดียวกัน ( Carl Zeiss ) แต่ด้วยที่ Contax T3 นั้นมีฟังชั่นการใช้งานได้หลากหลายกว่า ยืดหยุ่นกว่า ในขณะเดียวกันที่ Yashica T4 นั้นออกแบบมาให้เป็นกล้อง point & shoot อย่างแท้จริง จึงตัดฟังชั่นต่างๆทิ้งไปทั้งหมด ผมว่าแค่นี้ก็น่าจะได้คำตอบแล้วสำหรับคนที่กำลังคิดว่าจะซื้อกล้องตัวไหนดี ระหว่างกล้องสองตัวนี้ ถ้าเกิดคุณอยากได้กล้อง compact ตัวเล็กที่สามารถใช้งานได้หลากหลายและมีเงินในกระเป๋าเยอะพอ ก็เลือก T3 ได้เลย แต่ถ้าหากคุณเป็นมือสมัครเล่น หรือคิดว่าไม่ต้องการฟังชั่นอื่นๆ นอกเหนือจากการถ่ายภาพเท่านั้น Yashica T4 ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่อย่าลืมว่ากล้องถ่ายรูป ก็เป็นแค่อุปกรณ์ที่ช่วยให้เรามีโอกาสได้ภาพที่ดี แต่หากว่าเราไม่ฝึกฝนตาของเราให้รู้จักมองภาพสวยๆให้ออก หรือออกเดินทางเพื่อพาตัวเองไปเห็นจุดที่สวยงาม บางครั้งกล้องดีๆ ก็ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าจะทำให้คุณได้ภาพที่ดีได้ครับ

ภาพสีทั้งหมดล้างและสแกนโดยร้าน Hyper Dev ส่วนภาพขาวดำ ผมล้างและสแกนเองครับ สัปดาห์นี้ก็จบไปเป็นที่เรียบร้อย ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันครับ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย ส่วนสัปดาห์หน้าผมจะรีวิวกล้องตัวไหนและฟิล์มตัวไหน ก็สามารถติดตามได้ที่นี่ หรือ IG : @ballisticone ครับ

Comments

There are no comments yet.

Leave a comment