7 Days in London

Planning

ทริปยุโรปรอบนี้เราวางแผนไว้ล่วงหน้ายาวนานข้ามปี แผนการของเราคือจะใช้เวลาอยู่ที่ London 1 สัปดาห์ (ไป 23 – 30 พ.ค. 2018) ก่อนที่จะบินไปปักหลักกันที่ Amsterdam อีก 1 สัปดาห์ (30 พ.ค. – 6 มิ.ย. 2018) เราทำการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักไว้หมดตั้งแต่ปลายปี แต่ดันชะล่าใจ ไปทำวีซ่าหลังจากสงกรานต์ ซึ่งปรากฏว่าคนเยอะมาก และล่าช้าสุดๆทำให้เกือบได้ Visa ไม่ทัน เป็นเหตุจะต้องเลื่อนวันเดินทางหรือเป็นเรื่องให้เสียเงินเพิ่มไปอีก แต่ในที่สุดก็ได้มาอย่างฉิวเฉียด

ทริปนี้เราตั้งใจ ไม่ช็อปปิ้งเยอะ พอทราบว่าของที่นั่นแพง แต่ก็มีจัดตารางเดินเล่นย่านช็อปปิ้งไว้บ้าง แต่ที่สำคัญคือต้องไปเหยียบสองที่คือ 1. Emirate Stadium คือสนามฟุตบอลของทีมโปรดของผม Arsenal และ 2. Supreme London  (เพราะไปมาเกือบจะทุกสาขาในโลกแล้ว ตอนนี้ขาดแค่สาขาที่ Nagoya กับ Fukuoka เท่านั้น) เราเลยวางแผนใช้เวลาส่วนใหญ่ของทริปท่องเที่ยวไปในย่านต่างๆของ London เข้า Museum ให้เยอะที่สุด เข้าสวนสาธารณะให้ได้เยอะที่สุด ศึกษาวัฒนธรรมของประเทศอังกฤษผ่านประวัฒศาสตร์ทางศิลปะและสถาปัตยกรรม เราซื้อตั๋วดูโชว์ Group Photo Exhibition ที่ชื่อ Another Kind of Life ที่มีงานของ Bruce Davidson, Daido Moriyama, Jim Goldberg เป็นต้น ไว้ที่ Barbican Center วางแผนจะไปดูงานของ Picasso ที่ Tate Modern ไปชมงานศิลปะนานาชาติที่ Victoria and Albert Museum และไปดูกระดูกปลาวาฬสีน้ำเงินที่ Natural History Museum วางแผนไปตลาดของมือสอง อย่าง Bricklane Market, ตลาดของกินอย่าง Borough Market ที่เป็นเสน่ห์ของเมืองอีกด้วย

Stay

เราเลือกพักที่พักจากหน้าตาของห้องพักก่อนเลย โดยจองผ่าน Airbnb เช่นเคย ที่พักที่เราพัก อยู่แถว Zone 1 แต่ฝั่งตอนล่างของแม่น้ําเทมส์ (River Thames) ใกล้กับสถานีชื่อว่า Elephent & Castle ย่านนี้ติดสถานีรถไฟ Underground จะเป็นมหาลัย 2-3 อันอยู่ใกล้ๆกัน หลุดออกไปนิดหน่อยก็จะเป็นย่านที่อยู่อาศัยเป็น Court หรือ Apartment และพวกบ้านพักที่เป็นทรงเก่าที่สร้างในยุค 1950 รูปทรงสวยงามและไม่สูงมากนัก ประมาณแค่ 2-3 ชั้น จาก Apartment ที่เราอยู่ เดินทางไปย่าน Shopping อย่าง Oxford Circuss, Tottenham Court หรือ Soho ใช้เวลาแค่ 10 นาที หรือไป Southbank / Big Ben แค่ 5 นาที โดยรถบัส (อยู่ London แนะนำให้ใช้รถบัสครับ นอกเหนือจะได้เห็นบรรยากาศเมืองที่สวยงามแล้ว มันยังสะดวกมาก จะไปไหนใช้ Google Map ปักจุด ขึ้น Bus ง่ายกว่า Underground มาก เพราะเราขึ้นบัส เราก้าวแค่ก้าวเดียวจากฟุตบาท ส่วนจะขึ้น Underground เผลอๆมี 300 ก้าว เพื่อเดินไปขึ้น และอีก 300 ก้าวเพื่อออกมาสู่ฟุตบาทถนน)

Meets Londoner

แค่ก้าวแรกออกจากตม. ก็รู้สึกดีกับคนอังกฤษมาก เราเดินตามป้าย Heathrow Express บอกทางเพื่อไปขึ้นรถไฟเข้าเมือง เราเดินไปถามพนักงานของรถ Heathrow Express ซึ่งเป็นคนแขกสัญชาติอังกฤษที่ยืนอยู่หน้าตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ เค้าแนะนำเราอย่างดีบอกให้ไปขึ้นรถ Underground ก็ได้ ช้ากว่าแต่เสียเงินแค่คนละไม่เท่าไร คนละไม่ถึง 5ปอนด์ ถ้าขึ้น Express ต้องเสียคนละ 25 ปอนด์ พอเราลากกระเป๋าไปตามทาง เดินไปถึงสถานี Underground ตอนนั้นไม่มีคนเลย (Terminal 4 ที่อยู่ในตอนนั้นคนน้อยเป็นพิเศษ) เราเดินเข้าไปตู้กดตั๋ว ตั้งใจจะซื้อบัตร Oyster Card แต่ยังงงๆ เพราะไม่เคยซื้อมาก่อน มีคนอังกฤษคนนึงเดินมาหาเราพูดตรงๆ ก็กลัวว่าจะมาหลอก เค้าถามมาว่า คุณโอเคไหม? ให้ช่วยหรือเปล่า สรุปคือเป็นพนักงาน แต่ uniform สุดแสนจะไม่เป็นทางการ แนะนำให้อย่างดี พร้อมกดตั๋วหยิบเงินทอนจากตู้ ให้ซองใส่บัตร Oyster Card มาให้ด้วย แบบว่าอึ้งมาก ผมไม่เคยมาอังกฤษ เคยไปแต่สวิส อิตาลี และฝรั่งเศส จากประสบการณ์ส่วนตัวในประเทศเหล่านั้นรู้สึกไม่ค่อยประทับใจเท่าไร ออกจะไปทางแนวน่ากลัวด้วยซ้ำเลยทำให้ประทับใจ Londoner มากๆ

Love at first sight

ผมหลงเสน่ห์ของ London ตั้งแต่วันแรกทำให้ 7 วันของเราผ่านไปไวเหมือนโกหก London เป็นเมืองที่มีเสน่ห์มากจริงๆ ถ้าใครชอบถ่ายรูปคงชอบที่นี่ แสงแดดสวย ตึกราบ้านช่องสวยงามเหมือนกับฉากในหนัง ตึกเก่าแก่หลายร้อยปีก็ยังคงไว้ในสภาพเดิม (ต่างจากบ้านเราที่ไล่ทุบทำอย่างอื่นกันหมด) สวนสาธารณะเป็นร้อยแห่งทั่วตัวเมือง มองไปทางไหนก็ดีไปหมด เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาเอาซะมากๆ ไหนจะนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเต็มไปหมดทำให้เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ถ่ายสตรีทได้สนุกไม่แพ้ New York เลย รู้สึกว่า 7 วันมันหมดไปอย่างรวดเร็ว มีวันนึงที่เราซื้อทัวร์ Brutalism Architecture ไว้ เป็นทัวร์ที่พาไปดูสถาปัตยกรรม ในช่วง mid century – 1970s ที่สร้างจากคอนกรีต พร้อมกับให้คำแนะนำถึงประวัติความเป็นมาในการก่อสร้างตึกmodernist architecturalต่างๆใน London ด้วย (อันนี้ดีมาก) ถ้าใครชอบสถาปัตยกรรมคงจะชอบ เผลอตัวอีกที 7 วันก็หมดไปอย่างรวดเร็ว เช้าวันที่ 7 เราซื้อตั๋วรถบัสที่จะนั่งไปสนามบินไว้  เราเรียก uber จากบ้านพักแบกกระเป๋าเดินทาง 2 ใบใหญ่เพื่อไปที่สถานี Victoria Coach Station
แต่พอไปถึงสถานี สรุปว่ารถที่เราจองไว้ Late โดยไม่มีกำหนด แต่เครื่องบินที่จะบินพาเราไปส่งที่ Amsterdam คงไม่รอเราแน่ๆ เราจึงต้องยอมทิ้งตั๋วรถบัส เรียก Uber เพื่อไปขึ้นรถไฟที่ St Pancras ไปสนามบินแทน อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมง เราคงเดินทางไปถึง Amsterdam ที่ที่ครั้งนึง เราเคยอยากย้ายมาอยู่จริงๆ

All photos shot on Leica MP + 35mm Summicron lens with Portra400 film