52 weeks project #9 รีวิวกล้อง Konica Hexar RF (เทียบความรู้สึกกับ Leica M7) ด้วยฟิล์ม Lomo800

Written by ballisticone
March 30, 2019 52 Weeks Project, Diary, Photography

#52Weeksproject ของผมส่วนใหญ่จะมาเป็นไดอารี่ พูดถึงกล้องหรือการใช้งานไม่เยอะมาก เน้นพูดถึงสถานที่ที่ไปและพูดถึงเรื่องราวที่ได้พบเจอมากกว่า แต่คราวนี้จะขอรีวิวกล้อง Konica Hexar RF แบบเข้มข้นกันสักหน่อย จริงๆแล้วเป็นเพราะไม่ได้ไปซื้อฟิล์มตัวใหม่มาถ่ายมากกว่า เลยหยิบเอากล้องตัวใหม่มาประกบกับฟิล์มตัวเก่าที่คุ้นเคยไปก่อน

ใครที่เป็นเจ้าของกล้อง Leica M Digital อยู่แล้ว ก็น่าจะต้องมีเลนส์  Mount Leica M อยู่แล้วบ้าง ถ้าเกิดอยากจะซื้อกล้องฟิล์มสักตัวที่จะสามารถใช้กับเลนส์ที่มีอยู่ก็คงจะนึกถึงกล้อง Leica M2, M3, M4, M6 หรือ M7 คงจะมีน้อยคนที่นึกถึงกล้องค่ายอื่น  แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงกล้อง Konica Hexar RF กัน กล้องตัวนี้เป็นหนึ่งในกล้องไม่กี่ตัวที่เป็นกล้อง Rangefinder กลไกไฟฟ้า ที่ใช้ Mount Leica M ถ้าให้ลองนับดูคร่าวๆ นอกจาก Leica M7 แล้วก็จะมี Zeiss Ikon ZM, Minalta CLE, Voigtländer Bessa  และก็เจ้า Konica Hexar RF นี่แหละที่เป็นกล้องนอกค่ายที่สามารถใช้กับเลนส์ Leica M ได้ ส่วนตัวผมไม่เคยใช้ Zeiss Ikon และกล้องตัวอื่นๆที่เหลือ จะเคยใช้แค่ M7 เท่านั้น วันนี้ก็เลยจะมารีวิว และพูดถึงข้อดีข้อเสีย แบ่งเป็นข้อๆ เปรียบเทียบกับ Leica M7 ที่เคยใช้อยู่พักนึงให้ฟังกันครับ
Design
การออกแบบกล้องตัวนี้ออกมาค่อนข้างสมบุกสมบัน แข็งแรงทนทาน และสวยงามมาก วัสดุในส่วนของบอดี้เป็นไทเทเนี่ยม มีกริปยางทำให้การจับถือง่ายและกระชับ แต่ถ้าให้เทียบความสวยงามกับ Leica M7 แล้ว ส่วนตัวเทใจให้กับความ classic ของกล้อง Leica M7 มากกว่าอยู่ดี

Function & Use
กล้อง Konica Hexar มีช่องมองขนาด .60x สามารถมองเห็นได้ดีในคนที่สวมแว่นตาและครอบคลุมระยะของเลนส์ตั้งแต่ 28mm & 90mm, 35mm & 135mm และ 50mm & 75mm เรียกว่าแทบจะทุกระยะที่ Leica เคยผลิตเลนส์มาในช่วง 30 ปีหลังนี้ และการที่กล้อง Konica Hexar RF มีกลไก ระบบวัดแสงและระบบ Shutter เป็นระบบไฟฟ้า ใช้แบตเตอรี่ขนาด CR2 สองก้อน ซึ่งหาซื้อได้ไม่ยาก ทำให้กล้องตัวนี้มีข้อได้เปรียบ M7 อยู่หลายอย่าง อย่างแรกที่เราจะพูดถึงคือ

1. Speed Shutter
กล้อง Hexar RF มี Speed Shutter สูงถึง 1/4000 เท่ากับกล้อง Leica M10 หรือ M Digital ตัวอื่นๆ ซึ่งมากกว่า M7 ที่มีความไวชัตเตอร์สูงสุดแค่ 1/1000 เท่านั้น ลองจินตนาการถึงการใช้ฟิล์ม ISO สูง แต่อยากเปิด F กว้างสุดเพื่อละลายหลังของแบบในตอนกลางวัน นี่คือข้อได้เปรียบที่ Hexar RF ทำได้ดีกว่า Leica M7

2. Double Explosure
กล้อง Hexar RF มีโหมด Double Explosure ที่สามารถทำให้คุณสามารถถ่ายภาพสองภาพซ้อนกันใบเดียวกันได้ ซึ่งใน M7 ไม่มี ถึงอาจจะไม่ค่อยได้ใช้กันเท่าไร แต่บางครั้งที่คุณต้องการ มันก็ใช้งานได้ดีทีเดียว

3. Auto Film Loading
ด้วยระบบไฟฟ้าอย่างเต็มระบบในกล้องตัวนี้ ทำให้กล้อง Hexar RF นั้นมีระบบ Auto Film Loading ไม่ต่างจากกล้องฟิล์ม compact หรือกล้องฟิล์มระดับโปรของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีโหมดที่ช่วยให้คุณเปลี่ยนฟิล์มขณะที่ยังถ่ายไม่หมดม้วน เพื่อไปเอาม้วนอื่นมาใส่ และเปลี่ยนม้วนเดิมกลับมาถ่ายต่อได้ด้วย แน่นอนว่าใน M7 ทำไม่ได้ และ M7 ยังต้องโหลดฟิล์มด้วยมือและขึ้นฟิล์มเองด้วย

แต่ในข้อดีของกล้องไฟฟ้า ก็ยังมีข้อเสีย เพราะว่ากล้อง Hexar RF ใช้กำลังไฟจากแบต เมื่อแบตหมดก็จะไม่สามารถถ่ายได้เลย ต่างจาก M7 ตรงที่ M7 นั้นยังสามารถถ่าย ในขณะที่กล้องไม่มีแบต แต่จะถ่ายได้แค่ที่ Speed 1/60 และ 1/125 เท่านั้น ข้อได้เปรียบของ M7 เหนือ Hexar ที่ผมอยากจะพูดถึงก็คือ M7 สามารถใช้กับ Flash TTL ได้ในขณะที่ Hexar RF ไม่มี ซึ่งถ้าคุณไม่ค่อยสนใจเรื่องการใช้แฟรชก็คงมองข้ามไปได้
Price
หลายคนคงสงสัยหรือบางคนอาจจะเลื่อนลงมาอ่านตรงนี้ตั้งแต่แรก เพื่อจะเช็คราคาก่อนว่าสองตัวนี้ ราคาเท่าไร ก่อนที่จะรู้ความสามารถของมัน ราคาของกล้อง Konica Hexar RF สภาพดีๆนั้นอยู่ที่ประมาณ 30,000-35,000 บาท ส่วน Leica M7 สภาพดีๆ ราคาอยู่ที่ประมาณ 70,000-90,000 บาท ซึ่งก็ต่างกันพอสมควร

ได้รีวิวและให้ข้อมูลไปพอสมควรแล้ว หลายคนคงอยากรู้ว่า ผมชอบตัวไหนมากกว่ากัน ก็ต้องตอบไปตามความจริงว่า ถ้าพูดถึงเรื่องความสามารถและราคาแล้วกล้อง Konica Hexar RF กินขาด อย่างที่ผมบอกในตอนแรกไปแล้ว่าถ้าคุณมีเลนส์ Leica M อยู่แล้ว และคิดว่าอยากจะลองเริ่มถ่ายฟิล์มกับเลนส์เหล่านั้น กล้อง Konica Hexar RF เป็นตัวที่ดี สบายกระเป๋าจริงๆแล้วคุณสามารถซื้อ Konica Hexar RF + เลนส์ M-Hexanon 35mm f/2 หรือ M-Hexanon 50mm f/2 ได้ในราคาเท่าๆกับแค่ Body Leica M7 เท่านั้น แต่ถึงอย่างไรบอดี้ Leica M นั้นก็เหมาะและเข้ากับเลนส์ของ Leica มากกว่าในราคาของบอดี้ Konica Hexar RF นั้นยังพอสามารถซื้อกล้อง Leica M2, M3 หรือ M4 ได้อยู่ดี แต่ต้องพึ่งมือถือหรือเครื่องวัดแสงในการช่วยวัดแสงด้วย เพราะกล้อง Leica 3 รุ่นนั้นไม่มีวัดแสงในตัว

ภาพทั้งหมดที่ใช้ประกอบบทความนี้ถ่ายด้วย
Konica Hexar RF
35mm Summilux
ฟิล์ม Lomo800
ข้อมูลเบื้องต้นมาจากประสบการณ์และความรู้เบื้อต้นจากตัวผมเองเท่านั้น ถ้าเกิดผิดพลาดและขาดตกบกพร่องในเรื่องข้อมูลไป สามารถแนะนำเพื่อนำไปปรับปรุงได้ครับ สัปดาห์หน้าจะมารีวิวกล้องหรือฟิล์มตัวไหน รอติดตามกันครับ สามารถตามผมได้ใน Instagram เช่นกันที่ @ballisticone
film hexar hexarrf ishootfilm konica lomo800 lomography
Comments

There are no comments yet.

Leave a comment