5 Days in Seoul, South Korea.

ประเทศเกาหลีใต้ ไม่เคยอยู่ในแผนการเดินทางไปท่องเที่ยวของเรามาแต่ไหนแต่ไร เพราะตัวเองไม่ได้ชอบซีรี่เกาหลี ไม่ได้ชอบอาหารเกาหลี(เว้นแต่หมูกระทะ ถ้านับนะ) ไม่ได้ชอบศิลปินเกาหลี อยู่ดีๆ เกาหลีใต้ โดยเฉพาะเมือง “Seoul” ก็กระโดดมาเป็น List อันดับต้นๆในเมืองที่อยากไป เพราะประเทศนี้ดูมีอำนาจ (มืด) ทางด้านวัฒนธรรมที่แทรกซึมเข้ามาให้ผ่านตา และนึกถึงอยู่บ่อยๆ ลองจินตนาการนึกถึงประเทศเกาหลีใต้ คุณจะนึกถึงอะไรกันได้บ้าง? หมูย่าง, การเต้นแบบพร้อมเพรียง, หนังเรื่องกวนมึนโฮ, แดจังกึม, สาวๆสวยๆ, กิมจิ, ทีมฟุตบอลที่อันดับต้นๆของ Asia (เมื่อฟุตบอลโลก ปี 2002 ตอนตัวเองเป็นเจ้าภาพร่วมกับญี่ปุ่น ยังแสดงแสนยานุภาพทำให้ตัวเองได้อันดับที่ 4 ของโลกมาแล้ว)

เกาหลีใต้เปลี่ยนความคิดของผม และคนอีกมากมายด้วยวัฒนะธรรม Pop Culture ที่ชาวเกาหลีเรียกว่า ฮัลลิว (Hallyu) เมื่อปลายปี 90’s หลัววิกฤติต้มยำกุ้ง นาย คิม แดจุง ประธานาธิปดีของเกาหลีใต้ในสมัยนั้น คิดว่าจะพึ่งแค่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung หรือ Hyundai อย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องหาอะไรใหม่ๆมาบ้าง จึงได้ทำการกู้ยืมเงิน IMF เพื่อมาพัฒนาประเทศ โดยนำเงินส่วนหนึ่งมาตั้งหน่วงงานพิเศษชื่อ Cultural Content Office เพื่อเตรียมบ่มวัฒนธรรม Pop Culture ของตัวเองและส่งออกไปทั่วโลก โดยให้ความสำคัญ และสนับสนุนกับคนที่มีความสนใจทางด้านศิลปะ ดนตรี และการแสดงเป็นพิเศษ มีทุน มีพื้นที่ส่วนกลางให้วัยรุ่นมาแสดงออกกันได้เต็มที่  และค่ายเพลงต่างๆ ก็จริงจังกันมากด้วย ไม่ว่าจะส่งคนไปเรียน และจ้าง Producer ระดับโลกมาร่วมงาน(กึ่งสอน) 10 ปีให้หลัง ค่ายเพลงที่ต่างใช้เวลาผลิตศิลปิน ก็เริ่มมีผลงานคลอดออกมา นั่นคือเวลาที่ศิลปินเกาหลี เริ่มออกตีตลาดในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอาทิเช่น Rain ค่อยๆไล่จากในเอเชียเข้าตะวันออกกลาง จนในที่สุดเพลงอย่าง Gangnam Style ของ PSY ก็ได้บุกเข้าประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกาได้สำเร็จ จนคนทั่วโลกรู้จักเกาหลีใต้เป็นอย่างดี นอกจากดนตรีแล้วทางด้านแฟชั่นที่ประเทศเกาหลีใต้ก็มีกระแสนิยมนำหน้าประเทศญี่ปุ่นไปเป็นอันดับต้นๆของ Asia แล้วด้วยเช่นกัน ทุกวันนี้วัฒนธรรม Pop Culture กลายเป็นจุดขายหลักของเกาหลีใต้เป็นไปที่เรียบร้อยแล้ว

นั่นก็คือเหตุผลที่เราอยากจะไปตามล่า และลองพิสูจน์ว่าประเทศนี้มีดีอย่างไร ผ่านมุมมองของตัวเอง และสไตล์ที่ตัวเองชอบ อาทิเช่น พาไปเดินเล่นตลาดกล้องมือสอง ไปนั่งทอดน่องแบบชิลๆที่ร้านกาแฟ ช็อปปิ้งแบรนด์สตรีทเกาหลี ร้านหนังสือและของดีไซน์ และเสพย์งานศิลปะที่ Art Museum

“When one door closes. Another Opens. All you have to do is walk in.”

นั่งเครื่องเกือบ 6 ชั่วโมง และนั่งรถบัสอีกประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ก็เข้ามาถึงที่พักที่จองไว้ผ่าน Airbnb ที่เลือกจองที่นี่เพราะชอบดีไซน์ และเฟอร์นิเจอร์ล้วนๆ นอกจากนั้นก็ยังดูย่าน คิดว่าถ้าเราจะต้องไปเที่ยวแล้วเราก็อยากจะมีโอกาสแอบเข้าไปนอนอาศัยอยู่ในย่านที่พักอาศัย ทำตัวกลมกลืนกับคนพื้นที่แถวนั้น ย่านที่พักอยู่ชื่อ Hannam Darero เป็นย่านเล็กๆ ติดกับ Itewon ย่านที่ดูอินเตอร์หน่อย เปรียบเสมือนทองหล่อบ้านเรา ย่าน Hannam Darero ที่พักอยู่เป็นย่านที่จะออกแนวๆหน่อย มีร้าน Cafe กึ่ง Gallery มีร้านอาหารเวียดนาม โชว์รูมของแบรนด์เสื้อผ้า Local และร้านทำผมแบบป้าๆเกาหลี ร้านอาหารแบบเกาหลีบ้านๆ โบสถ์ ออฟฟิศออกแบบ และที่พักอาศัยปะปนกันอยู่อย่างลงตัว

การไป Museum ก็คือการให้ความบันเทิงอีกอย่างที่เราชอบ ได้พบศิลปะใหม่ๆที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ก็ถือเป็นการเปิดโลกแห่งความรู้ให้กับเรา ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย งานปั้น หรืองานจิตรกรรม ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบันก็ล้วนแต่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย และคิดตามไปทั้งนั้น วันแรกที่ไปถึง เราตั้งใจไปชมงาน Exhibition ของ The Selby ที่ Daelim Museum เราเป็นแฟนของ The Selby จาก Blog และหนังสือของเขา ที่พาเราเข้าไปถึง space ส่วนตัว อาทิเช่นบ้าน ห้องทำงาน พื้นที่ส่วนตัวของคนดังสาย Creative ที่หาดูได้ยาก ไม่ว่าจะเป็น Pharrell, Karl Lagerfeld, Glenn O’Brien นักเขียนชื่อดังที่ทำ GQ Style Guide , หรือยันดีไซน์เนอร์ญี่ปุ่นอย่าง Mihara Yasuhiro ซึ่งนอกเหนือจากงานภาพถ่าย เขายังจัดแสดงจำลองพื้นที่ห้องนอนของตัวเอง และแสดงภาพวาดแบบเป็นเรื่องเป็นราว และมีสินค้าขายด้วย จากนั้นก็ได้ไปเยี่ยมชม MCMA ได้ดูงานศิลปะอีกหลากหลายอย่างที่ถูกเก็บสะสมไว้ก่อนที่จะหมดวันแรกไปแบบเพลิดเพลินที่แอบซ่อนความเหนื่อยล้าไว้ภายใน

ย่าน Hannam Dong เป็นย่านที่เท่ห์มากเดินมาไม่ไกลจากสถานี Itewon ย่านนี้จะมีร้านขายสินค้า แฟชั่น เสื้อผ้า แบรนด์ local และ inter ผสมผสานกับ Cafe แบบเท่ห์ๆ น่ารักๆ ร้านของชำ ร้านหนังสือ เฟอร์นิเจอร์ ร้านอาหารพื้นเมือง ร้านเบอร์เกอร์ ธุรกิจเก่ากับใหม่ ผสมผสานกันอย่างลงตัว

อยู่เมืองไทยก็ชอบไปเดินเล่นตึก Mega Plaza วังบูรภา ถ้าอยู่ญี่ปุ่นก็ต้องไปเดิน Ginza, Shinjuku หรือ Nagano แต่ถ้าอยู่เกาหลีต้องไปที่  นัมแดมึน (Namdaemun) ย่านนี้จริงๆแล้วเป็นย่านค้าส่งสินค้าตลาดล่าง ของก็อป คล้ายประตูน้ำบ้านเรา แต่จะมีโซนนึงที่มีร้านขายกล้องฟิล์ม และกล้องดิจิตอลมือสองขาย มีร้านรวมกันประมาณ 10 ร้านได้ จริงๆก็ไม่เยอะมาก แต่ก็ควรแวะไป เพราะ Namdaemun นั้นอยู่ไม่ไกลจากย่านช็อปปิ้งของสาวๆอย่าง เมียงดง (Myeongdong) สามารถเดินมาได้โดยใช้เวลา 10-15 นาที ร้านแถวนี้ก็จะมีกล้องหลากหลาย ตั้งแต่กล้องฟิล์ม SLR , Rangefinder , Compact ไปจนถึง Medium & Large Format เรียกได้ว่าครบเลยทีเดียว ส่วนราคานั้นก็ไม่ได้ถูก ไม่ได้แพง จนเกินไปประมาณซื้อใน Ebay มีถูกบ้างมีแพงบ้าง (แต่ไม่ต้องโดนภาษีและค่าส่ง ซึ่งรวมๆแล้วก็หลายพันอยู่) แต่มีของให้เลือกเยอะและลองเล่นได้เลย ถามคนขายได้เลย แถมถ้าจ่ายเงินสดลดได้อีกนิดหน่อยด้วย

ขอบคุณ Incase Thailand สำหรับกระเป๋าเดินทางที่นอกจากจะสวย ทนทานและยังมีฟังชั่นการใช้งานครบๆด้วยครับ

ที่พักของเรา คือที่นี่ โดยจองผ่าน Airbnb
หากไม่เคยสมัครมาก่อน กดที่นี่รับส่วนลด 1,100 บาทในการจองครั้งแรก

ภาพถ่ายโดย iphone 7+ และปรับสีด้วย VSCO Cam

Comments

There are no comments yet.

Leave a comment