การเดินทางของแต่ละคน ก็มีเหตุผลต่างกัน ในครั้งนี้ผมและภรรยาเลือกที่จะใช้การเดินทางเพื่อไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ช็อปปิ้ง พักผ่อนรวมถึงเพิ่มรอยหยักในสมองให้กับตัวเองเหมือนทุกๆครั้งในประเทศที่เราไปมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยที่จะไม่ตื่นเต้นที่จะไปเลย นั่นก็คือประเทศญี่ปุ่น ถ้าใครยังไม่เคยไปญี่ปุ่น ผมแนะนำว่าก่อนตาย อยากให้ไปให้ได้สักครั้งนึง ไม่ว่าคุณจะชอบธรรมชาติ ชอบกีฬา ชอบนวัตกรรม เทคโนโลยี หรือแม่แต่รถยนต์ เกมส์ แฟชั่น สถาปัตยกรรม การถ่ายภาพ หรืออื่นๆ ประเทศนี้ทำได้ดีและเด่นหมดเลย ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ปลูกฝังให้คนในประเทศตัวเอง รักและจริงจังกับการดำรงชีวิต เหมือนทุกคนมีหน้าที่ของตัวเองและจริงจังกับหน้าที่ของตัวเอง แม้กระทั่งพนักงานบริการในตำแหน่งต่างๆ ก็ยังรักและเต็มใจกับงานของตัวเองมาก (โดยเฉพาะแท็กซี่ ซึ่งจะขอยกเอาไปเขียนแยกให้อ่านอีกครั้ง)
ทริปนี้มีเวลาท่องเที่ยว 8 วันโดยแบ่งเป็น 3 ช่วงเวลาหลัก คือ ช่วง 3 คืนแรกในโตเกียวฝั่งซีกซ้าย (Shinjuku, Harajuku, Shibuya, Daikanyama, Naka-Meguro) ช่วงที่สอง 2 คืนใน Osaka และ 2 คืนสุดท้าย กลับมาที่โตเกียวฝั่งซีกขวา (Akihabara, Tsukiji, Ginza) โดยทริปนี้ถ้าย่อยออกมาเป็นเปอเซนต์ของกิจกรรมที่เราทำในประเทศญี่ปุ่น หนักไปทางด้านการ ช็อปปิ้งถึง 70% ที่เหลือคือเดินถ่ายรูป และกินอาหารพื้นเมือง โดยก่อนเดินทาง เราได้ใช้ App อย่าง Move เพื่อช่วยจดจำการเดินทางของเรา รวมถึงคอยนับ steps ในการเดินของเราด้วย จะเห็นว่าในแต่ละวัน เราได้เดินเฉลี่ยประมาณ 13 กิโลเมตร ต่อวันหรือประมาณ 12,000 ก้าวเลยทีเดียว
เรื่องราวประทับใจจากทริปนี้
จริงๆแล้วอยากจะบอกว่าประทับใจในทุกอย่าง รวมถึงทุกคนที่เราเจอ เจ้าหน้าที่ตามสถานีต่างๆ คนขับรถแท็กซี่ เจ้าของร้านอาหาร พนักงานขายในร้านเสื้อผ้า งานออกแบบในทุกๆมุมของโตเกียว (กระทั่งถังขยะ ใบเสร็จ) ความสะอาด ในโตเกียวทุกๆย่านสะอาดมาก แม้กระทั่ง Harajuku หรือ Shibuya ที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น (ช่วงที่ไปเป็นช่วงวันหยุด Holiday ของญี่ปุ่น รวมถึงวันเด็กของที่นั่นด้วย) และที่สำคัญประทับใจคนญี่ปุ่นคนที่เราเจอในฐานะบริกร หรือพนักงานต่างๆ อาทิเช่นคนขับแท็กซี่ เจ้าหน้าที่ที่สถานีรถไฟ พนักงานร้านอาหาร ซึ่ง 100% ที่เราได้เจอ เค้าเต็มใจกับการบริการและไม่ได้พร้อมจะเอาเปรียบผู้บริโภคเลย และครั้งนี้รู้สึกว่าพนักงานที่ต้องทำงานและต้องเจอนักท่องเที่ยวสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดีเยี่ยม (รวมถึงมีสำเนียงดีมากด้วย)
มีเรื่องนึงอยากจะเล่าถึงก็คือตอนขากลับจากญี่ปุ่น โดยสายการบิน JAL พอเครื่องเริ่มนิ่งแอร์โฮสเตส ก็เดินออกมาเสริฟน้ำและขนมก่อน ผมเลือกที่จะดื่มสไปรท์ แต่เธอเทเยอะเกิน ขณะเสริฟฟองเลยหยดลงบนกางเกงยีนส์ผม และลงบนพื้น ซึ่งก็ไม่ได้เยอะมาก เธอรีบวิ่งไปเอากระดาษและก้มลงเช็ดให้อย่างจริงจัง รวมถึงเช็ดบนหน้าขาให้ทันที เธอพยายามขอโทษ ซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งผมก็ไม่ได้โกรธอะไร ซึ่งมันก็น้อยนิดมากๆ เกินกว่าจะโกรธด้วยซ้ำ เธอก็ทำหน้าที่ต่อ สักพักเครื่องออกไปได้ครึ่งทาง มีพนักงานอีกคนเดินมาถามถึงเรื่องที่เพื่อนเธอทำสไปร์ทหกหยดลงบนกางเกงและขอโทษผมอีกครั้ง แต่ที่พีคกว่านี้คือ ก่อนเครื่องจะลง 1 ชั่วโมง ทางกัปตันก็ประกาศให้เตรียมความพร้อม คราวนี้มีพนักงานอีกคนนึงซึ่งมียศใหญ่กว่า (สามารถเห็นได้จากเครื่องแบบ) เธอเข้ามานั่งย่อและแนะนำตัวเอง บอกตำแหน่งว่าเธอเป็นหัวหน้าของคนนั้น และบอกว่าพนักงานของเธอ แจ้งว่าทำสไปร์ทหกใส่ผมถามถึงเหตุการปัจจุบันว่าเป็นอย่างไรบ้าง รวมถึงกล่าวขอโทษผมอีกครั้งนึง ผมถึงขั้นต้องหันกลับไปคุยกับภรรยาอย่างตลกขบขันถึงเหตุการนี้ ว่าทำไมเค้าต้องมาขอโทษขอโพยอะไรขนาดนี้ ทั้งที่มันเล็กน้อยมากถ้าเทียบกับสิ่งที่เราเจอกับการบริการในประเทศเรา ประเทศอื่นหรือสายการบินอื่นๆ แต่สำหรับคนที่ใส่ใจในหน้าที่บริการของตัวเองอย่างคนญี่ปุ่นแล้วนี่คงเป็นเรื่องปกติมาก พนักงานทำงานผิดพลาด ไม่ว่าเล็กหรือน้อย ก็ต้องขอโทษและรายงานเพื่อนร่วมงานรวมถึงหัวหน้างานโดยไม่กลัวว่าตัวเองจะถูกตำหนิหรือทำโทษเลย และนั่นก็คือสิ่งที่ทำให้ผมสัญญากับตัวเองว่าจะกลับไปญี่ปุ่นอีกในเร็วๆนี้แน่นอน
ภาพเกือบทั้งหมดถ่ายด้วยกล้อง Iphone 7+ และ edit โดย VSCO
แต่ถ้าอยากดู VDO ของทริปนี้ทั้งหมด 8 วันที่ย่อให้เหลือ 1:40 นาที ก็กดที่นี่ได้เลย
Comments
There are no comments yet.